วันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2562
วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562
2019 INVESTMENT
เราลงทุนใน AOT เรามองถึง โอกาสในการลงทุน จาก
1) ผู้บริหารมองปี 2562 เป็นปีแห่งการเตรียมตัว ตั้งเป้าจะขยายธุรกิจ non aero เช่น Airport City (พัฒนาที่ดินรอบสุวรรณภูมิ)
ทำ cargo (เพื่อขายสินค้าเกษตร) และการทำ application
เพื่อต่อยอดบริการให้ผู้โดยสาร ในระยะยาว AOT หวังให้ non aero มีสัดส่วนมากกว่า50%
2) ปี 2562 AOT คาด passenger เติบโตระดับ 6-7% โตชะลอตัวลงจากฐานสูงปีก่อน แต่ใกล้เคียงประมาณการของเรา
3) เดินหน้าลงทุนอาคาร Terminal2 เพื่อปลดล็อค capacity โดยอยู่ระหว่างชี้แจงกระทรวงคมนาคมและลุ้นเข้า
ครม. ใน 2Q62
4) การประมูล duty free บริษัทฯ ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดเนื่องจากจะกระทบกับการแข่งขัน
โดยจับตา TOR เร็วๆนี้ ที่อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อกฏหมาย
วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2552
บทหนึ่งตอนหนึ่งของ SET
SET 45..6…7…8
SET 452.98: SET50 317.22 , P/E=11.65, P/BV=1 ,Yield = 5.98%
฿=35.35(แข็งค่า) , USD INDEX = 85.08
การเกิดขึ้นของปัจัย
Brand Red SHIRT
การตกเป็นเป้าหมายของนายก
ECON DOWN TURN
การปรากฏตัวของอดีตนายกฯทักษิณ ในการมีส่วนการเกิดความเสียหาย
SCENARIOS ของการเมือง
1. รัฐบาลจะคงอยู่ไปจนสิ้นปี และแก้ไข กฏหมายความขัดแย้ง
2. ยุบสภา
3. นายกลาออก (โอกาสเกิด= 0 %)
STRATEGY
ใช้กลยุทธ์หลากหลายขึ้น อาศัยความแตกต่างกันทำกำไร
ไปที่ BANPU,SCC,โยกจาก SCBไป KBANK
สะสมหุ้นต่อเนื่อง โดยเน้นตัวที่มีกลยุทธ์ชัดเจน อย่าง PTTEP กลยุทธ์ OIL POSITIVE(+)
SET 452.98: SET50 317.22 , P/E=11.65, P/BV=1 ,Yield = 5.98%
฿=35.35(แข็งค่า) , USD INDEX = 85.08
การเกิดขึ้นของปัจัย
Brand Red SHIRT
การตกเป็นเป้าหมายของนายก
ECON DOWN TURN
การปรากฏตัวของอดีตนายกฯทักษิณ ในการมีส่วนการเกิดความเสียหาย
SCENARIOS ของการเมือง
1. รัฐบาลจะคงอยู่ไปจนสิ้นปี และแก้ไข กฏหมายความขัดแย้ง
2. ยุบสภา
3. นายกลาออก (โอกาสเกิด= 0 %)
STRATEGY
ใช้กลยุทธ์หลากหลายขึ้น อาศัยความแตกต่างกันทำกำไร
ไปที่ BANPU,SCC,โยกจาก SCBไป KBANK
สะสมหุ้นต่อเนื่อง โดยเน้นตัวที่มีกลยุทธ์ชัดเจน อย่าง PTTEP กลยุทธ์ OIL POSITIVE(+)
วันอาทิตย์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2551
การลงทุน กันยายน2551, SEPTEMBER’08
การลงทุน กันยายน2551, SEPTEMBER’08
สภาพแวดล้อม
NIKEI
อาการไม่สู้ดีของ ศก. US,JAPAN ในสัปดาห์หน้าไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงมากนัก เพราะนักลงทุนสงวนท่าทีรอดูข้อมูลศก.ของทั้ง US &JAPAN ข้อมูลของทั้ง US&JAPAN ที่จะเปิดเผยในช่วงต้นและกลางสัปดาห์นักลงทุนยังจะคอยจับตาท่าทีของ รบ. สหรัฐว่าจะรับมือสถานการณ์ แฟนนี่เม,เฟรดี้แมค ในลักษณะใด
STRAIT TIME
เกาะติดทิศทาง สหรัฐ นักลงทุนสงวนท่าทีเช่นเดียวกับตลาด Wall Street เหมือนกับตลาดอื่นๆ ยิ่งเกิดกระแสคาดการณ์ว่าตัวเลข ศก. สหรัฐที่จะเปิดเผยในช่วงปลายเดือนมีโอกาสที่จะออกมาไม่ดี นักลงทุนยิ่งคอยเพื่อรอจังหวะนอกตลาดกันยิ่งขึ้น
COMODITY MARKET
ดัชนี CRB INDEX เป็นมาตรวัดราคาComodity19 ชนิด ในตลาดล่วงหน้า ปรับขึ้นสูงสุดในรอบ 33 ปีหรือ 3.7 % นำโดย น้ำมันดิบ ดีด 5.62 $ มาปิดที่121.18$/bbl ที่ตลาดNYMEX CRB INDEX Rebound โดย เงิน $ อ่อนค่าลงชะลอราคาCOMODITY ที่อ่อนต่อเนื่อง 14% นักเก็งกำไรเริ่มขยับกลับมาเก็งกำไรอีกหลังปล่อยราคาร่วงลงมา โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบ ความต้องการจากจีน เป็นปัจจัยสำคัญทำให้ Comodity ในตลาดปรับตัวสูงขึ้น ล่าสุดราคา น้ำมันดิบ ดูไบ งวดส่งมอบเดือน ตค.ที่สิงคโปร์ปรับเพิ่มขึ้นไปที่121.64 $/bbl จากความกังวลสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่าง Russia กับ Gorgia
กลยุทธ์การลงทุน
หาจังหวะการลงทุนเมื่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลดลง โดยเฉพาะ น้ำมัน เหล็ก ทองคำ เท่ากับว่าต้นทุนในอุตสาหกรรมปรับลดลงด้วยขณะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ การเลือกลงทุนในระยะสั้นๆ หากดูจากอัตราผลตอบแทนเงินปันผลทั้งตลาดเฉลี่ยอยู่ที่ 5% โดย หุ้นกลุ่มหลักที่ปันผลสูงอยู่ในกลุ่ม อาหาร ยานยนต์ และหุ้นขนาดใหญ่บางตัว ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ เพราะนักลงทุนเทขายหุ้นเหล่านี้ ออกโดยไม่ดูปัจจัยพื้นฐาน ทำให้ราคาหุ้นถูกขณะที่ปันผลสูง
หุ้นหลายตัวถ้าศึกษาปัจจัยพื้นฐานให้ดีจะเห็นว่าราคาถูกมาก แต่ต้องทนปัจจัยลบที่จะเข้ามากระทบในระยะสั้นๆให้ได้ โดยที่การลงทุนควรเลือกบริษัทที่มีผู้บริหารที่กล้าตัดลดต้นทุนเพื่อรักษาส่วนต่างกำไรเอาไว้(CUT COST) รวมทั้งบริษัทที่สามารถส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นให้ผู้บริโภค เช่น หุ้นกลุ่มพาณิชย์และกลุ่มโรงพยาบาล โดยพยายามเก็บหุ้นเข้าพอร์ทลงทุนดังนี้
BANK BBL,SCB,KBANK 35%
ENERGY PTTEP,BANPU 20%
ICT DTAC,ADVANC 15%
PROPERTY QH,CPN 15%
COMMERCE CPALL 5%
HOSPITAL BH 5%
HOTEL MINT 5%
สภาพแวดล้อม
NIKEI
อาการไม่สู้ดีของ ศก. US,JAPAN ในสัปดาห์หน้าไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงมากนัก เพราะนักลงทุนสงวนท่าทีรอดูข้อมูลศก.ของทั้ง US &JAPAN ข้อมูลของทั้ง US&JAPAN ที่จะเปิดเผยในช่วงต้นและกลางสัปดาห์นักลงทุนยังจะคอยจับตาท่าทีของ รบ. สหรัฐว่าจะรับมือสถานการณ์ แฟนนี่เม,เฟรดี้แมค ในลักษณะใด
STRAIT TIME
เกาะติดทิศทาง สหรัฐ นักลงทุนสงวนท่าทีเช่นเดียวกับตลาด Wall Street เหมือนกับตลาดอื่นๆ ยิ่งเกิดกระแสคาดการณ์ว่าตัวเลข ศก. สหรัฐที่จะเปิดเผยในช่วงปลายเดือนมีโอกาสที่จะออกมาไม่ดี นักลงทุนยิ่งคอยเพื่อรอจังหวะนอกตลาดกันยิ่งขึ้น
COMODITY MARKET
ดัชนี CRB INDEX เป็นมาตรวัดราคาComodity19 ชนิด ในตลาดล่วงหน้า ปรับขึ้นสูงสุดในรอบ 33 ปีหรือ 3.7 % นำโดย น้ำมันดิบ ดีด 5.62 $ มาปิดที่121.18$/bbl ที่ตลาดNYMEX CRB INDEX Rebound โดย เงิน $ อ่อนค่าลงชะลอราคาCOMODITY ที่อ่อนต่อเนื่อง 14% นักเก็งกำไรเริ่มขยับกลับมาเก็งกำไรอีกหลังปล่อยราคาร่วงลงมา โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบ ความต้องการจากจีน เป็นปัจจัยสำคัญทำให้ Comodity ในตลาดปรับตัวสูงขึ้น ล่าสุดราคา น้ำมันดิบ ดูไบ งวดส่งมอบเดือน ตค.ที่สิงคโปร์ปรับเพิ่มขึ้นไปที่121.64 $/bbl จากความกังวลสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่าง Russia กับ Gorgia
กลยุทธ์การลงทุน
หาจังหวะการลงทุนเมื่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลดลง โดยเฉพาะ น้ำมัน เหล็ก ทองคำ เท่ากับว่าต้นทุนในอุตสาหกรรมปรับลดลงด้วยขณะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ การเลือกลงทุนในระยะสั้นๆ หากดูจากอัตราผลตอบแทนเงินปันผลทั้งตลาดเฉลี่ยอยู่ที่ 5% โดย หุ้นกลุ่มหลักที่ปันผลสูงอยู่ในกลุ่ม อาหาร ยานยนต์ และหุ้นขนาดใหญ่บางตัว ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ เพราะนักลงทุนเทขายหุ้นเหล่านี้ ออกโดยไม่ดูปัจจัยพื้นฐาน ทำให้ราคาหุ้นถูกขณะที่ปันผลสูง
หุ้นหลายตัวถ้าศึกษาปัจจัยพื้นฐานให้ดีจะเห็นว่าราคาถูกมาก แต่ต้องทนปัจจัยลบที่จะเข้ามากระทบในระยะสั้นๆให้ได้ โดยที่การลงทุนควรเลือกบริษัทที่มีผู้บริหารที่กล้าตัดลดต้นทุนเพื่อรักษาส่วนต่างกำไรเอาไว้(CUT COST) รวมทั้งบริษัทที่สามารถส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นให้ผู้บริโภค เช่น หุ้นกลุ่มพาณิชย์และกลุ่มโรงพยาบาล โดยพยายามเก็บหุ้นเข้าพอร์ทลงทุนดังนี้
BANK BBL,SCB,KBANK 35%
ENERGY PTTEP,BANPU 20%
ICT DTAC,ADVANC 15%
PROPERTY QH,CPN 15%
COMMERCE CPALL 5%
HOSPITAL BH 5%
HOTEL MINT 5%
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)