ตลาดหุ้นในปี
2014 จะผันผวนแค่ไหนและจุดต่ำสุดจะเป็นเท่าใด
ซึ่งตรงนี้ ส่วนหนึ่งจะขึ้นอยู่กับว่าผลลัพธ์ของวิกฤติการเมืองไทยในขณะนี้ จะคลี่คลายลงแบบใด
บทความนี้ ขอประเมินตลาดหุ้นไทยในปี 2014
โดยใช้งานศึกษาผลกระทบของเหตุการณ์ทางการเมืองว่าจะมีผลต่อตลาดหุ้นมากน้อย
เพียงใด จากข้อมูล 20 ประเทศ โดยใช้ข้อมูลย้อนหลังไปกว่า 80
ปี ในการตอบคำถามดังกล่าวข้างต้น
ตลาดหุ้นไทยในปี 2014
ก่อนอื่น ขอเล่าคร่าวๆ ถึงวิธีการศึกษาดังกล่าวก่อน เริ่มจากตัวแปรที่มีผลต่อตลาดหุ้น
ประกอบด้วย ปัจจัยความเสี่ยงทางการเมืองระดับประเทศ ประกอบด้วย การเลือกตั้ง ระดับของความเป็นเผด็จการในประเทศ
และระดับความเสี่ยงทางการเมืองโดยรวม ซึ่งขึ้นกับเสถียรภาพของรัฐบาล
เสถียรภาพของปัจจัยทางเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงความตึงเครียดของแนวคิดทางการเมืองในประเทศ
ตบท้ายด้วยปัจจัยความเสี่ยงทางการเมืองระดับโลก โดยงานศึกษาชิ้นนี้ ได้เชื่อมโยงตัวแปรปัจจัยทางการเมืองดังกล่าวทั้งหมดให้ไปถึงดัชนีตลาดหุ้น
ในประเทศ ถึงระดับหุ้นในกลุ่มรายอุตสาหกรรมต่างๆ ผ่านระดับการค้าทั้งในและระหว่างประเทศ
ความสามารถในการที่สัญญาและโครงการต่างๆ ของรัฐบาลจะสามารถทำได้จริงหรือไม่ และระดับการพึ่งพาของการผลิตสินค้าและบริการต่างๆ
ต่อแรงงานว่ามีมากน้อยเพียงใด
ผลลัพธ์ของการศึกษาดังกล่าวซึ่งมีประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้นำไป
ศึกษา จากการวิเคราะห์โดยใช้จำนวนตัวอย่างข้อมูลเกือบ 7,000
ตัวอย่าง จะพบว่าหุ้นในประเทศที่มีพรรคการเมืองเข้ามาเป็นรัฐบาลอยู่พรรคเดียวเป็น
ระยะเวลานานๆ จะมีดัชนีหุ้นที่สูงกว่าหุ้นที่ไม่มีคุณลักษณะดังกล่าวอยู่โดยเฉลี่ยประมาณ
ร้อยละ 20 ในขณะเดียวกันดัชนีหุ้นของประเทศที่ความเสี่ยงทางการเมืองอยู่ในระดับสูง
จะมีดัชนีหุ้นที่ต่ำกว่าประเทศที่มีความเสี่ยงทางการเมืองในระดับต่ำอยู่ กว่าร้อยละ
30
คราวนี้ หากมาพิจารณาให้ลึกถึงสาเหตุต่างๆ
ของการขาดเสถียรภาพทางการเมือง ในบ้านเราในช่วงนี้ว่าจะมีผลต่อดัชนีหุ้นไทยมากน้อยเพียงใด
จากระดับของดัชนี SET ณ
ปลายเดือนพฤศจิกายน 2013 ที่ระดับประมาณ 1,370 จุด ซึ่งความเสี่ยงทางการเมืองของไทยตอนนั้น ยังอยู่ที่เกณฑ์เฉลี่ยในอดีต จะพบว่า
หนึ่ง การมีหรือไม่มีเลือกตั้งในวันที่ 2
กุมภาพันธ์ 2014 จะส่งผลทั้งทางจิตวิทยาและทางพื้นฐานต่อ
SET อยู่กว่า 40 จุด
สอง ในช่วงหลัง
ผมมีความเห็นว่าเวลาต่างชาติตัดสินใจลงทุนในตลาดหุ้น มักจะชอบลงในตลาดที่มีเสถียรภาพของรัฐบาลอยู่สูงๆ
ไม่ชอบตลาดของประเทศที่มีประชาธิปไตยแบบที่พรรคการเมืองที่ขับเคี่ยวกันแบบ สูสี ขึ้นมาเป็นรัฐบาลหรือมีกลุ่ม
2 กลุ่มที่มีศักยภาพใกล้เคียงกันในประเทศ ซึ่งตรงจุดดังกล่าว
ในบ้านเราตอนนี้ มีลักษณะเป็นอย่างหลังมากขึ้นๆ จุดนี้มีผลต่อดัชนี SET ให้ลดลงไปจากเมื่อ 2-3 เดือนที่แล้ว ลงไปประมาณ 43
จุด
ท้ายสุด การที่ประชาชนออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมืองตั้งแต่ปลายเดือน
พฤศจิกายน ปีที่แล้ว ในมุมมองการลงทุนของต่างชาติ จะสอดคล้องกับหัวข้อการบังคับใช้ของกฎหมายของรัฐ
ซึ่งฝรั่งจะให้ความสำคัญกับปัจจัยดังกล่าวค่อนข้างมาก ณ วันนี้ หากเหตุการณ์ทางการเมืองไทยมีความรุนแรงมากขึ้นๆ
และส่อเค้ายืดเยื้อ จะส่งผลต่อดัชนี SET ประมาณ 166 จุด
โดยสรุป หากให้ผมมองตลาดหุ้นไทยในปี 2014 ว่ากว่าจะฝ่าโคตรวิกฤติการเมืองเที่ยวนี้
ท่ามกลางความเห็นต่างของแนวคิดทางการเมืองจากทั้ง 2 ขั้ว
ผมมีความเห็นว่า ดัชนี SET ยังมี room ที่จะลงได้อีกประมาณ
150 จุด หากการเมืองมีความรุนแรง ในระดับสูงมากจากระดับดัชนีหลักทรัพย์ในขณะนี้
ทว่าจะลดลงน้อยกว่า ผลการศึกษาดังกล่าวมากน้อยเพียงใด
ก็ขึ้นอยู่กับว่าวิกฤติทางการเมือง ของไทยในตอนนี้จะสามารถคลี่คลายได้เร็วหรือช้า รวมถึงว่ารุนแรงมากหรือน้อยเพียงใดนับจากวินาทีนี้ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น